Friday, August 20, 2010

ข้อกำหนด ISO 9001:2008

ข้อกำหนด ISO 9001:2008

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมนำความรู้เรื่องข้อกำหนดตามมาตรฐาน ISO 9001:2008 มาให้ลองอ่านกันนะครับ

สำหรับท่านที่ยังไม่มีพื้นฐานเรื่องข้อกำหนดมาก่อน ท่านจะได้นำไปศึกษาและทำความเข้าใจด้วยตัวเองได้ครับ

ส่วนท่านที่เคยทราบมาบ้างแล้วก็ถือเป็นการทบทวนความรู้นะครับ

1 Scope ขอบเขต
1. 1 General บททั่วไป
This International Standard specifies requirements for a quality management system where an organization:

a)needs to demonstrate its ability to consistently provide product that meets customer and applicable statutory and regulatory requirements, and

b)aims to enhance customer satisfaction through the effective application of the system, including processes for continual improvement of the system and the assurance of conformity to customer and applicable statutory and regulatory requirements.

NOTE 1 In this International Standard, the term “product” only applies to
a)product intended for, or required by, customer,,
b)any intended output resulting from the product realization processes.

NOTE 2 Statutory and regulatory requirements can be expressed as legal requirements.

มาตรฐานนานาชาติฉบับนี้ ระบุข้อกำหนดสำหรับระบบการบริหารด้านคุณภาพ ซึ่งองค์กร
ก)ต้องการแสดงถึงความสามารถในการเสนอผลิตภัณฑ์ เป็นไปตามข้อกำหนดของลูกค้าและกฎข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ และ

ข)มุ่งหวังที่จะเพิ่มพูนความพึงพอใจของลูกค้า โดยผ่านการประยุกต์ใช้ระบบให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงกระบวนการต่างๆ เพื่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของระบบ และการประกันความสอดคล้องต่อข้อกำหนดของลูกค้าและกฎข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

หมายเหตุ 1 มาตรฐานนานาชาติฉบับนี้ ภายใต้คำนิยามของ “ผลิตภัณฑ์” หมายถึง

ก)สินค้าที่ต้องการผลิตเพื่อลูกค้า หรือสินค้าตามความต้องการลูกค้า
ข)สิ่งที่ได้จากกระบวนการผลิตตามที่เราต้องการ

หมายเหตุ 2 กฏระเบียบและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องหมายรวมถึงข้อกำหนดด้านกฏหมาย

1.2 Application การประยุกต์ใช้

All requirements of this International Standard are generic and are intended to be applicable to all organizations, regardless of type, size and product provided.

Where any requirement(s) of this International Standard cannot be applied due to the nature of an organization and its product, this can be considered for exclusion.

Where exclusions are made, claims of conformity to this International Standard are not acceptable unless these exclusions are limited to requirements within clause 7, and such exclusions do not affect the organization’s ability, or responsibility, to provide product that meets customer and applicable regulatory requirements

ข้อกำหนดทั้งหมดของมาตรฐานนานาชาติฉบับนี้ เป็นข้อกำหนดทั่วไป และมีเจตจำนงให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงประเภท ขนาด และผลิตภัณฑ์

กรณีที่ข้อกำหนดของมาตรฐานนานาชาติฉบับนี้ไม่สามารถประยุกต์ใช้ได้อันเนื่องมาจาก ธรรมชาติขององค์กรและผลิตภัณฑ์ สามารถพิจารณาถึงการยกเว้นได้

หากการยกเว้นถูกกำหนดขึ้น การอ้างสิทธิของความสอดคล้องต่อมาตรฐานนานาชาติฉบับนี้ ไม่สามารถยอมรับได้ เว้นแต่การยกเว้นจะจำกัดอยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่ 7 และการยกเว้นเหล่านั้นต้องไม่มีผลกระทบต่อองค์กร หรือความรับผิดชอบต่อการเสนอผลิตภัณฑ์ซึ่งบรรลุตามข้อกำหนดของลูกค้าและกฎข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

Tuesday, July 20, 2010

เทคนิคการจูงใจลูกน้องให้อยากทำงาน

วันนี้ได้อ่านบทความดีๆ เลยเก็บมาฝากทุกท่านครับเผื่อว่าท่านใดจะนำไปประยุกต์ให้เข้ากับองค์กรของท่าน เพื่อให้บรรยากาศการในการทำงานเป็นไปด้วยความอบอุ่น เป็นกันเอง พนักงานมีความรักใคร่ปรองดอง รักองค์กรโดยได้รับการแนะนำและความเป็นตัวอย่างที่ดีของหัวหน้างาน ดังนั้นวันนี้ผมเลยหยิบบทความดีๆมาฝากกันนะครับ

เทคนิคการจูงใจลูกน้องให้ทำงาน

คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ผลงานของหัวหน้านั้นเกิดขึ้นจากผลงานของลูกน้องที่ร่วมใจร่วมแรงทำให้ แบบว่า "ลูกน้องดัน หัวหน้าดึง" ซึ่งหมายถึง ลูกน้องมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้งานของหัวหน้าประสบผลสำเร็จ ส่วนหัวหน้าเองจะมีส่วนในการส่งเสริมสนับสนุนลูกน้องให้มีหน้าที่และตำแหน่งงานที่ดีขึ้น พบว่ายังมีหัวหน้างานหลายต่อหลายคนที่หลงผิดคิดว่าผลงานที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตนเองเพียงฝ่ายเดียว ลูกน้องก็เป็นแค่ผู้ช่วยคนหนึ่งเท่านั้น เป็นหัวหน้าที่เน้นการบริหารงานของตนเป็นหลัก ไม่สนใจในการบริหารลูกน้องในทีม ....คุณรู้ไหมว่า หัวหน้างานเหล่านั้นอาจพบปัญหาที่จะตามมานั่นก็คือ ลูกน้องขาดแรงจูงใจในการทำงานให้ ทำงานตามคำสั่งเพียงอย่างเดียว ไม่มีการอุทิศและสละเวลาหากหัวหน้างานมีงานด่วนพิเศษ และปัญหาการที่ลูกน้องลาออกเพราะไม่มีสิ่งจูงใจในการทำงาน ซึ่งปัญหาเหล่านี้เองจะส่งผลย้อนกลับมายังหัวหน้าที่ต้องรับภาระหนัก แทนที่จะมีเวลาในการทำงานเชิงกลยุทธ์ การวางแผนงาน การพัฒนาระบบงานให้ดีขึ้น กลับต้องเอาเวลามาสะสางงานในรายละเอียด คอยแก้ไขปัญหาประจำวัน ต้องทำงานด่วนพิเศษหรือทำงานนอกเวลาทำงานซึ่งไม่มีลูกน้องอาสาที่จะช่วยหรือเกี่ยงกันไม่อยากทำให้

ดังนั้นเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นผู้เป็นหัวหน้าเองจึงไม่ควรละเลยที่จะใส่ใจในความคิดความรู้สึกของลูกน้อง การบริหารคนควบคู่ไปกับการบริหารงาน ซึ่งหน้าที่งานอย่างหนึ่งที่หัวหน้าพึงปฏิบัตินั่นก็คือ การหาวิธีจูงใจลูกน้องในการทำงาน ทั้งนี้การจูงใจลูกน้องให้ทำงานให้นั้นมิใช่เรื่องยากที่คุณเองในฐานะหัวหน้างานจะทำไม่ได้ ซึ่งดิฉันขอนำเสนอเทคนิคง่าย ๆ ในการจูงใจลูกน้องด้วยวิธี D-R-I-V-E ดังนี้

D - Development
การพัฒนาและฝึกอบรมเป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถจูงใจลูกน้องให้ทำงานได้ คงไม่มีลูกน้องคนไหนอยากที่จะทำงานกับหัวหน้าที่ไม่เคยคิดที่จะส่งเสริมหรือสนับสนุนให้พวกเค้ามีความรู้และความสามารถที่เพิ่มขึ้น ขอให้หัวหน้างานตระหนักไว้เสมอว่า ไม่ต้องกลัวลูกน้องจะเก่งหรือดีกว่าตนเอง แบบว่ากลัวลูกน้องจะเลื่อยขาเก้าอี้ จนเป็นเหตุให้หัวหน้างานไม่สนใจที่จะพัฒนาลูกน้องเลย ทั้งนี้การพัฒนาลูกน้องนั้นมีหลากหลายวิธีที่หัวหน้างานสามารถทำได้ เช่น
- การสอนงาน (Coaching) : เพื่อให้ลูกน้องเข้าใจวิธีการ และขอบเขตหน้าที่งานที่ต้องรับผิดชอบ
- การส่งลูกน้องเข้าฝึกอบรมกับหน่วยงานภายนอก (In House and Public Training) : เพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น
- การให้คำปรึกษาแนะนำ (Consulting): เพื่อช่วยลูกน้องในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
- การโยกย้ายสับเปลี่ยนงาน (Job Rotation) : เพื่อส่งเสริมให้ลูกน้องเกิดทักษะที่หลากหลาย (Multi-Skill) มากขึ้น

R - Relation
การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับและลูกน้องเป็นสิ่งที่หัวหน้างานไม่ควรเพิกเฉย เพราะสัมพันธภาพที่ดีจะทำให้ลูกน้องอุทิศและตั้งใจในการทำงานให้กับคุณอย่างจริงใจมิใช่การบังคับ ทั้งนี้วิธีการในการเสริมสร้างให้คุณเองมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูกน้อง เช่น การพาลูกน้องไปเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นเนื่องในโอกาสพิเศษซึ่งอาจจะเป็นเลี้ยงวันเกิด เลี้ยงลูกน้องกรณีที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง.... หรือการเริ่มต้นทักทายลูกน้องก่อน ....หรือการถามเรื่องอื่น ๆ กับลูกน้องบ้างที่ไม่ใช่เรื่องงาน ....หรือการซื้อของฝากหรือของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ลูกน้องซึ่งไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวัน/โอกาสพิเศษ ....หรือการรับฟังและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาของลูกน้องที่ไม่ใช่ปัญหาจากการทำงาน ....หรือการสร้างอารมณ์ขันกับลูกน้อง การสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกับลูกน้องบ้าง

I - Individual Motivation
ลูกน้องแต่ละคนมีหลากหลายสไตล์ บางคนเงียบไม่ชอบแสดงออก บางคนชอบเอะอะโวยวาย บางคนคิดมาก บางคนขี้น้อยใจ ดังนั้นในฐานะของหัวหน้างานจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ลูกน้องแต่ละคนว่าพวกเค้ามีนิสัย บุคลิกลักษณะและความต้องการอย่างไร แต่ละคนจะมีแบบฉบับเฉพาะที่แตกต่างกันไป การจูงใจลูกน้องจึงย่อมต้องแตกต่างกันไปตามลักษณะนิสัยของแต่ละคน จงอย่าใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งกับลูกน้องหลาย ๆ คนที่มีความต่างกัน เช่น หากพบว่าลูกน้องของตนชอบที่จะแสดงความคิดสร้างสรรค์ หัวหน้าควรจะมอบหมายงานที่ส่งเสริมให้พวกเค้าได้ใช้ความคิดและสามารถนำเสนอแนวคิดต่าง ๆ กับคุณได้ หรือหากลูกน้องของคุณเป็นคนชอบโวยวายเมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกับคุณ คุณเองในฐานะหัวหน้างานควรจะสงบนิ่งและพูดคุยกับลูกน้องอย่างมีเหตุผลเพื่อจูงใจให้ลูกน้องเห็นด้วยกับคุณ

V - Verbal Communication
คุณรู้ไหมว่าคำพูดเปรียบเสมือนดาบสองคมที่ส่งผลทั้งด้านบวกและด้านลบกับตัวคุณเองในฐานะของหัวหน้างาน บางครั้งการไม่พูดหรือนิ่งเฉย จะดูดีกว่าการพูดออกไป โดยเฉพาะคำพูดในทางลบที่อยากให้คุณจงหลีกเลี่ยง ได้แก่ คำพูดที่ประชดประชันเหน็บแนม คำพูดที่ออกคำสั่งโดยไม่มีเหตุผล คำพูดดูถูกความสามารถของลูกน้อง คำพูดที่ปัดความรับผิดชอบหรือโยนความผิดให้กับลูกน้อง คำพูดที่นินทาลูกน้องลับหลัง คำต่อว่าลูกน้องต่อหน้าเพื่อนร่วมงานหรือต่อหน้าผู้อื่น จงพยายามเลือกใช้คำพูดทางบวกที่สร้างสรรค์และจูงใจลูกน้องให้พวกเค้าอยากทำงานให้กับคุณ เช่น พูดชดเชยเมื่อลูกน้องทำงานสำเร็จ พูดให้กำลังใจเมื่อลูกน้องวิตกกังวลหรือเผชิญปัญหา พูดกล่าวแสดงความขอบคุณเมื่อลูกน้องทำงานให้ พูดเสริมกำลังใจถึงความเชื่อมั่นว่าลูกน้องสามารถทำงานนั้น ๆ ได้สำเร็จ

E - Environment Arrangement
สภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถจูงใจลูกน้องให้อยากทำงาน เพื่อมิให้ลูกน้องรู้สึกจำเจหรือเบื่อหน่ายกับสภาพแวดล้อมแบบเดิม ๆ พบว่ามีหลากหลายวิธีที่คุณสามารถเลือกใช้เพื่อสภาพแวดล้อมหรือบรรยากาศที่ดีในการทำงาน เช่น การปรับเปลี่ยนรูปโฉมออฟฟิศใหม่ ไม่ว่าเป็นการจัดวางโต๊ะ เก้าอี้ใหม่.... หรือการจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการทำงานต่าง ๆ ให้พร้อมในการทำงาน.... หรือการอนุญาตให้ลูกน้องเปิดเพลงเบา ๆ ฟังเพื่อคลายความตึงเครียดในการทำงาน.... หรือการสร้างทีมงานให้เป็นทีมแห่งการเรียนรู้เพื่อให้เกิดบรรยากาศในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งทีมงานนักอ่านขึ้นโดยการมอบหมายให้ลูกน้องอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับงานของตนเองและนำมาเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง ... หรือการจัดประชุมร่วมกันอาจเป็นเดือนละครั้งหรือสองครั้งตามความเหมาะสมเพื่อสร้างบรรยากาศในการทำงานเป็นทีมร่วมกัน ทั้งนี้คุณอาจใช้เวทีของการประชุมเพื่อแจ้งให้พนักงานรับทราบถึงนโยบายของบริษัท ภารกิจหน้าที่ของทีมงาน และการให้ลูกน้องมีส่วนร่วมเสนอไอเดียใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงระบบงานให้ดีขึ้น

ดังนั้นขอให้หัวหน้างานเริ่มสำรวจตัวเองนับแต่ตอนนี้ว่าได้ใส่ใจที่จะหาวิธีจูงใจลูกน้องให้ทำงานมากน้อยแค่ไหน หัวหน้างานที่มีทั้งศาสตร์ในการบริหารคนและศาสตร์ในการบริหารงานนั้นมักจะเป็นหัวหน้างานที่ประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน ได้รับการยอมรับและความเคารพศรัทธาจากลูกน้องด้วยความจริงใจ

เมื่อผู้บริหารชอบตัดสินใจคนเดียว "ตอนที่3"

พบกันอีกครั้งในช่วงต้นสัปดาห์นะครับ สัปดาห์ก่อนเราได้พูดคุยกันถึงเรื่องของคุณสมบัติของผู้บริหารในองค์กรท่านว่ามีอย่างไร ซึ่งผู้เขียนต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่าเนื้อหาต่างๆที่ได้เขียนไว้ในที่นี้นั้น เขียนขึ้นด้วยเจตนาที่ดีโดยมุ่งเน้นให้ผู้อ่านเห็นว่าคุณลักษณะต่างๆของผู้บริหารนั้น ล้วนแต่มีผลต่อการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาระบบบริหารคุณภาพด้วยกันทั้งสิ้น แต่อาจแตกต่างกันไปตามบุคลิก ความสามารถ วิธีการ ภาวะการเป็นผู้นำของแต่ละคน โดยเนื้อหาในบทความนี้ผู้เขียนได้เรียบเรียงมาจากส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในแวด วงการบริหารระบบคุณภาพ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเนื้อหาที่เขียนนั้นได้ถูกเรียบเรียงมาจาก คุณลักษณะของผู้บริหารที่ผู้เขียนได้มีโอกาสร่วมงานและมีความคุ้นเคย รวมถึงเคยได้มีการหารือแลกเปลี่ยนความคิดกันตามสมควร
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราลองมาอ่านกันต่อเลยดีกว่าครับ
ผู้บริหารในองค์กรท่านมีคุณสมบัติอย่างไร

ลักษณะที่ 2 ชอบทดสอบความรู้ผู้ใต้บังคับบัญชา
หลายท่านน่าจะเคยพบเห็นกันบ่อยนะครับสำหรับผู้บริหารที่ชอบทดสอบความรู้ความสามารถของลูกน้องตัวเองอยู่บ่อยๆ ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับหรับการกระทำดังกล่าว เนื่องจากทำให้ลูกน้องและทีมงานมีความตื่นตัวที่จะหมั่นใฝ่คว้าหาความรู้ใส่ตังเองอย่างสม่ำเสมอ เป็นการสร้างนิสัยให้เป็นคนรักการอ่านและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา

แต่ว่าก็ยังมีผู้บริหารอีกหลายท่านที่แยกกันไม่ออกระหว่าง การทดสอบความรู้ กับ การลองภูมิ ลูกน้อง หากมองเพียงผิวเผินแล้วอาจมองว่าความหมายของคำทั้งสองคำนี้อาจดูคล้ายๆกันนะครับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผลลัพธ์ ที่ได้จากการปฏิบัตินั้น ต่างกันโดยสิ้นเชิง ครับ

ท่านลองคิดดูสิครับ หากวันนึงผู้บริหารได้ถามคำถามใดๆกับท่านสักเรื่องหนึ่ง ท่านคิดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง? แน่นอนที่สุดอย่างเลี่ยงไม่ได้ สิ่งแรกที่ท่านควรทำคือ ท่านจะต้องพยายามตั้งสติ ระดมความคิด ความรู้ ความสามารถของท่านทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนั้น เพื่อใช้ในการประมวนผลให้ได้มาซึ่งหา ผลลัพธ์หรือคำตอบ จากกระบวนการข้างต้นที่ท่านผู้บริหารได้ยิงคำถามมายังท่านอย่างรวดเร็ว ใช่หรือไม่?

อ่านถึงตรงนี้แล้วก็อาจยังมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่เป็นประเด็นได้เลยใช่ไหมครับ อ่านๆดูแล้วก็เป็นเรื่องปกติที่หลายๆท่านก็พบอยู่บ่อยๆทั่วไป

แต่ท่านทราบไหมว่า ในขณะที่ท่านได้ทำการกลั่นกรองกระบวนการคิดอย่างรอบคอบแล้ว และได้ตัดสินใจตอบคำถามของผู้บริหารของท่านไปเรียบร้อยแล้วนั้น มันเป็นเพียง จุดเริ่มต้น ของปัญหาเท่านั้นนะครับ เพราะในบางครั้งในสิ่งที่ถามนั้น ผู้บริหารหารของท่านก็ได้เตรียมคำตอบอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่อยากถามเพื่อ หาความคิดสนับสนุนตนเอง หรือ เพื่อหาความต่างของคำตอบ หรือ ดูว่าท่านเองจะตอบได้ตรงใจหรือไม่เท่านั้นเอง หลายท่านคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วกับคำว่า “ถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจ

สถานการณ์เช่นนี้แหล่ะครับเป็นจุดเริมต้นของอีกหนึ่งความล้มเหลวของการบริหารระบบคุณภาพ ที่มักพบได้จากหลายๆองค์กรที่ผู้บริหารมีลักษณะเช่นนี้ เนื่องจากทำให้ลูกน้องไม่ค่อยอยากจะตอบคำถาม หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ เนื่องจากกลัวว่าจะถูกลองภูมิ หรือ ตอบไปแล้วก็ไม่ถูกใจเจ้านายอยู่ดี อยู่เฉยๆดีกว่า ถึงแม้ได้ได้คำชม แต่ก็ไม่ต้องเสียน่า (อายเขาเปล่าๆ)

หากองค์กรใดมีผูบริหารลักษณะนี้ ควรรีบส่งบทความนี้ให้ท่านอ่านนะครับ

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น นอกเหนือจากจะถูกเจ้านายลองลองภูมิแล้ว ยังแอบนำคำตอบที่เราที่เคยบอก”ว่าไม่ถูกต้อง ” นั้น ไปสอนให้กับคนอื่นๆ บางครั้งถึงขั้น ”ใช้ประโยคของเราได้อย่างฟุ่มเฟือยจริงๆ” ซึ่งผมจะได้นำเสนอในตอนที่ 4 ครับ
ลักษณะที่ 3

Saturday, July 17, 2010

เมื่อผู้บริหารชอบตัดสินใจคนเดียว "ตอนที่2"

ต่อจากความเดิมครั้งที่แล้ว เมื่อท่านทราบดีแล้วว่าผู้บริหารมีผลอย่างมากต่อการที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ หรือ ความล้มเหลว ทางด้านการจัดทำระบบบริหารคุณภาพ วันนี้เราลองมาดูกันว่าผู้บริหารในองค์กรท่านมีคุณสมบัติอย่างไรกันบ้าง และลักษณะดังกล่าวนั้น จะนำพาองค์กรของท่านไปในทิศทางใด

1.มีความมั่นใจในตัวเองสูง(มาก)
ผู้บริหารที่มีบุคลิกเช่นนี้ ส่วนใหญ่มักชอบแสดงออกให้ผู้ใต้บังคับบัญชา(ลูกน้อง)เห็นว่าตัวเองมีความรู้ที่มากกว่าคนอื่น มีความสามารถที่เหนือกว่าใครๆ มีความเข้าใจไปเสียทุกเรื่อง ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับคำชม แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องชมคนอื่นบ้าง เขาอาจต้องใช้เวลานานสักนิดในการตัดสินใจที่จะแสดงออกมาในลักษณะเช่นนั้น และส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล้าพูดชมคนอื่นออกมาตรงๆ (ผู้เขียนชอบใช้คำว่า ”เลี่ยงบาลี”)

หากองค์กรท่านมีผู้บริหารลักษณะเช่นนี้ ท่านอาจมีความรู้สึกว่า ท่านไม่ค่อยชอบที่จะใช้ความคิดเพื่อนำเสนอสิ่งดีๆมากสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากถึงแม้ท่านจะใช้เวลาในกระบวนการคิดและไตร่ตรองกับงานของท่านให้นานหรือดีเท่าไหร่แล้วก็ตาม สุดท้ายก็คงต้องจบลงด้วยคำที่ว่า “ผมเห็นด้วยกับวิธีที่คุณนำเสนอมา แต่ผมคิดว่าเราน่าจะลองใช้วิธีของผมน่าจะเหมาะสมกว่า หรือคุณเห็นว่าอย่างไร?” งัยล่ะครับทีนี้สิ่งที่อุตส่าห์ให้เวลากับมันเสียตั้งนาน ถูกทำลายสิ้นไปในพริบตา และเมื่อเป็นอย่างนี้บ่อยครั้งเข้าเราคงพอเดากันได้ว่า องค์กรที่มีผู้บริหารเช่นนี้จะเดินไปสู่เส้นทางใด? ระหว่าง ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ หรือ ความล้มเหลวที่ไม่คาดคิด

Wednesday, July 14, 2010

เมื่อผู้บริหารชอบตัดสินใจคนเดียว "ตอนที่1"

สวัสดีครับทุกท่าน ไม่ได้พบกันหลายวันเลยครับ วันนี้มีหัวข้อใหม่มาให้เพื่อนนักบริหารได้ลองขบคิดและร่วมแชร์ประสบการณ์กันนะครับ

เมื่อผู้บริหารชอบตัดสินใจคนเดียว

หลายๆท่านคงเคยสัมผัสหรือคุ้นเคยกับพฤติกรรมข้างต้นของผู้บริหารระดับสูงกันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ แต่ก็ยังมีอีกหลายๆท่านที่อาจยังไม่เคยพบหรือไม่เคยได้สัมผัสอีกเช่นกัน

ทำไมถึงต้องพูดคุยประเด็นนี้...

หากเราพิจารณาถึงความสำหรับหรือความล้มเหลวของการทำ ระบบบริหารคุณภาพขององค์กร เราจะพบว่า ผู้ที่มีผลโดยตรงต่อ ความสำเร็จ หรือ ความล้มเหลว คือผู้บริหารระดับสูง (ซึ่งยังมีอีกหลายประเด็นปัจจัยที่เกี่ยวข้อง)

ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดที่ 5.Management responsibility ความรับผิดชอบของผู้บริหาร
โดยมีข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องอีกดังนี้

5.1 Management commitment ความมุ่งมั่นของผู้บริหาร
5.2 Customer focus การมุ่งไปที่ลูกค้า
5.3 Quality policy นโยบายคุณภาพ
5.4 Planning การวางแผน
5.4.1 Quality objectives วัตถุประสงค์ด้านคุณภาพ
5.4.2 Quality management system planning การวางแผนระบบบริหารคุณภาพ
5.5 Responsibility, authority and communication ความรับผิดชอบอำนาจหน้าที่และการสื่อสาร
5.5.1 Responsibility and authority ความรับผิดชอบและอำนาจหน้าที่
5.5.2 Management representative ผู้แทนฝ่ายบริหาร
5.5.3 Internal communication การสื่อสารภายใน
5.6 Management review การทบทวนของฝ่ายบริหาร
5.6.1 General บททั่วไป
5.6.2 Review input ปัจจัยป้อนในการทบทวน
5.6.3 Review output ผลลัพธ์ในการทบทวน

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เห็นมั๊ยครับว่ายังมีอีกตั้งหลายเรื่องที่ผู้บริหารฯต้องรับผิดชอบ ซึ่งผมเองจะได้นำเสนอรายละเอียดของเนื้อหาสาระของข้อกำหนดในแต่ละข้อย่อยในครั้งต่อไป

แต่ช่วงนี้..อยากให้เพื่อนๆลองคิดและแชร์ประสบการณ์กันหน่อยดีมั๊ยครับ

โดยสมมติสถานะการณ์ว่า ...
หากท่านอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ "ผู้บริหารชอบตัดสินใจคนเดียว" ในฐานะที่ท่านเป็นนักบริหารระบบคุณภาพ ท่านคิดอย่างไร? และ จะมีวิธีการในการบริหารจัดการได้อย่างไร? เพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุตามเป้าหมายขององค์กรและสอดคล้องกับข้อกำหนดของ ISO9001:2008

เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างมืออาชีพได้ที่นี่เลยนะครับ

Monday, June 28, 2010

หลักบริหารระบบคุณภาพ 8 ประการ

หลายท่านคงทราบกันดีแล้วว่า หัวใจสำคัญของการทำระบบบริหารคุณภาพให้ประสบผลสำเร็จนั้น
มาจาก หลักบริหารระบบคุณภาพทั้ง 8 ประการ หรือ QMS ISO 9001 Eight Management Principles นั่นเอง

เรามาทำความรู้จักกับหลักฯ ทั้ง 8 ประการกันเลยดีกว่าครับ

1. Customer Focus : การมุ่งเน้นที่ลูกค้า
2. Leadership : ความเป็นผู้นำ
3. Involvement of People : การมีส่วนร่วมของบุคลากร
4. Process Approach : การบริหารเชิงกระบวนการ
5. Systems Approach to Management : การบริหารที่เป็นระบบ
6. Continual Improvement : การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
7. Factual Approach to Decision Making : การตัดสินใจบนพื้นฐานความเป็นจริง
8. Mutually Beneficial Supplier Relationships : ความสัมพันธ์กับผู้ขายเพื่อประโยชน์ร่วมกัน

ใครว่าการทำระบบ ISO เป็นเรื่องยาก

หลายคนคิดว่าการทำระบบบริหารคุณภาพ(ISO9001:2008) นั้นเป็นเรื่องที่ที่ยุ่งยาก
ที่จริงแล้วหากเราพิจารณาให้ดีจะพบว่า การทำระบบบริหารคุณภาพในสมัยนี้เป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด

ทำไมถึงพูดเช่นนั้น...หากท่านลองพิจารณาดูจากหลายๆประเด็นท่านจะพบว่ามันไม่ยากอย่างที่คิดจริงๆ

ประการแรก...ปัจจุบันนี้มีบริษัทที่ปรึกษาเกิดขึ้นอย่างมากมาย มากจนเราเองไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี

ประการที่สอง...มีการจัดการอบรมในหัวข้อที่เกี่ยวข้องอย่างแพร่หลาย ทั้งจากบริษัทที่ปรึกษา สถาบันอบรมต่างๆ รวมถึงจากบริษัทที่ให้การรับรองเองด้วย

ประการที่สาม...บุคลากรในองค์กรมีความรู้ความสามารถเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีสื่อต่างๆให้เรียนรู้อีกมากมาย เช่น บทความจากหนังสือ และเว็ปไซต์ต่างๆ

และที่สำคัญ...เรามีการรวมกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้และข่าวสารต่างๆ กันมากขึ้น (ชมรมนักบริหารระบบคุณภาพก็เช่นกัน) Quality Management Assocation:QMA

Saturday, June 26, 2010

ISO 9001:2008 Requirements

INTERNATIONAL STANDARD ISO 9001Forth Edition 2008-11-15

INTERNATIONAL STANDARD ISO9001:2008
1.Scope
2.Normative reference
3.Terms and definitions
4.Quality management system
5.Management responsibility
6.Resource management
7.Product realization
8.Measurement, analysis and improvement
-------------------------------------------------------

1 Scope
1.1 General
This International Standard specifies requirements for a quality management system where an organization:

a) needs to demonstrate its ability to consistently provide product that meets customer and applicable statutory and regulatory requirements, and
b) aims to enhance customer satisfaction through the effective application of the system, including processes for continual improvement of the system and the assurance of conformity to customer and applicable statutory and regulatory requirements.

NOTE 1 In this International Standard, the term “product” only applies to
a)product intended for, or required by, customer,,
b)any intended output resulting from the product realization processes.

NOTE 2 Statutory and regulatory requirements can be expressed as legal requirements.

1.2 Application
All requirements of this International Standard are generic and are intended to be applicable to all organizations, regardless of type, size and product provided.
Where any requirement(s) of this International Standard cannot be applied due to the nature of an organization and its product, this can be considered for exclusion.

Where exclusions are made, claims of conformity to this International Standard are not acceptable unless these exclusions are limited to requirements within clause 7, and such exclusions do not affect the organization’s ability, or responsibility, to provide product that meets customer and applicable regulatory requirements

2 Normative reference
The following referenced documents are indispensable for the application of this document. For dated references, only the edition cited applies. For undated references, the latest edition of the referenced document (including any amendments) applies.

ISO 9000:2005 Quality management systems – Fundamentals and vocabulary.

3 Terms and definitions
For the purposes of this document, the terms and definitions given in ISO 9000 apply.

Throughout the text of this International Standard, wherever the term “product” occurs, it can also mean “service”.

4 Quality management system
4.1 General requirements
The organization shall establish, document, implement and maintain a quality management system and continually improve its effectiveness in accordance with the requirements of this International Standard.

The organization shall:
a) determine the processes needed for the quality management system, and their application throughout the organization (see 1.2),
b) determine the sequence and interaction of these processes,
c) determine criteria and methods needed to ensure that both the operation and control of these processes are effective,
d) ensure the availability of resources and information necessary to support the operation and monitoring of these processes,
e) monitor, measure where applicable, and analyze these processes, and
f) implement actions necessary to achieve planned results and continual improvement of these processes.

These processes shall be managed by the organization in accordance with the requirements of this International Standard.

Where an organization chooses to outsource any process that affects product conformity with requirements, the organization shall ensure control over such processes. The type and extent of control to be applied to these outsourced shall be defined within the quality management system.

NOTE Processes needed for the quality management system referred to above should include processes for management activities, provision of resources, product realization and measurement, analysis and improvement.

NOTE 2 An “outsource process” is a process that the organization needs for its quality management system and which the organization chooses to have performed by an external party.

NOTE 3 Ensuring control over outsourced processes does not absolve the organization of the responsibility of conformity to all customer, statutory and regulatory requirements. The type and extent of control to be applied to the outsourced can be influenced by factors such as

a) the potential impact of the outsourced process on the organization’s capability to provide product that conforms to requirements,
b) the degree to which the control for the process is shared,
c) the capability of achieving the necessary control through the application of 7.4

4. 2 Documentation requirements
4. 2. 1 General
The quality management system documentation shall include:

a) documented statements of a quality policy and quality objectives,
b) a quality manual,
c) documented procedures and records required by this International Standard, and
d) documents including records, determined by the organization to be necessary to ensure the effective planning, operation and control of its processes,

NOTE 1 Where the term “documented procedure” appears within this International Standard, this means that the procedure is established, documented, implemented and maintained. A single document may address the requirements for one or more procedures. A requirement for a documented procedure may be covered by more than one document.

NOTE 2 The extent of the quality management system documentation can differ from one organization to another due

a) the size of organization and type of activities,
b) the complexity of processes and their interactions, and
c) the competence of personnel.

NOTE 3 The documentation can be in any form or type of medium.

4. 2. 2 Quality manual
The organization shall establish and maintain a quality manual that includes

a) the scope of the quality management system, including details of and justification for any exclusions (see 1.2),
b) the documented procedures established for the quality management system, or reference to them, and
c) a description of the interaction between the processes of the quality management system.

4. 2. 3 Control of documents
Documents required by the quality management system shall be controlled. Records are a special type of document and shall be controlled according to the requirements given in 4.2.4.

A documented procedure shall be established to define the controls needed

a) to approve documents for adequacy prior to issue,
b) to review and update as necessary and re-approve documents,
c) to ensure that changes and the current revision status of documents are identified,
d) to ensure that relevant versions of applicable documents are available at point of use,
e) to ensure that documents remain legible and readily identifiable,
f) to ensure that documents of external origin determined by the organization to be necessary for the planning and operation of the quality management system are identified and their distribution controlled, and
g) to prevent the unintended use of obsolete documents, and to apply suitable identification to them if they are retained for any purpose.

4. 2. 4 Control of records
Records established to provide evidence of conformity to requirements and of the effective operation of the quality management system shall be controlled. The organization shall establish a documented procedure shall be established to define the controls needed for the identification, storage, protection, retrieval, retention time and disposition of records. Records shall remain legible, readily identifiable and retrievable.

Friday, June 25, 2010

Job vacant in Pinthong Industrial Estate

Post date 19-Jul-2010

Position:-
1. Accounting Officer
2. BOI Officer
3. Program Administrator
4. QA Engineer
5. Supervisor Production
6. Production Engineer
7. QA operator
8. Production operator

All position contact to Khun Arpaporn
Tel.: 038-348-380-1 Ext.104

Thursday, June 24, 2010

ISO 9001:2008 What is Change?

เปรียบเทียบข้อกำหนด ISO 9001:2008 และ ISO 9001:2000

หมายเหตุ
ตัวเอียง คือ คำเดิมที่ถูกเปลี่ยนไป
ตัวหนา คือ คำใหม่ที่ถูกนำมาใช้แทนที่
(คำในวงเล็บ) คือ คำที่เพิ่มมา

ข้อกำหนดที่ 4.1 Bullet a)
a) identify determine the processes needed for the quality management system and their application throughout the organization (see 1.2),
a) ระบุ กำหนด กระบวนการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับระบบบริหารคุณภาพและการนำไปใช้ทั่วทั้งองค์กร(ดู 1.2)
ในข้อ a) มีคำว่า determine แทนคำว่า identify

ข้อกำหนดที่ 4.1 Bullet e)
monitor, measure (where applicable), and analyze these processes, and
e) เฝ้าติดตาม ตรวจวัด (ที่มีการประยุกต์ใช้) และวิเคราะห์ กระบวนการเหล่านี้

Tuesday, June 22, 2010